ตัววิ่ง

ยินดีต้อนรับสู่เว็บบล็อก ของนางสาวจิราพร โพธิ์ใหญ่

วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2559

Make an agreement

Make an agreement

  Too  เช่นกัน,ด้วยเหมือนกัน (วางไว้ท้ายประโยค) So  ใช้ในการตอบรับประโยคบอกเล่า

โครงสร้าง So + Auxiliary + Subject +  (Pronounกริยาช่วยต้องใช้ให้ตรงกับรูป Tense  ของประโยคเดิม  เช่น อ่านเพิ่มเติม


Indirect question

Indirect question
คำถามชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วนั้นเป็นคำถามโดยตรง (Direct Question) คือทั้งประโยคที่พูดนั้นเป็นคำถามทั้งหมด เป็นคำถามจริงๆ แต่มีคำถามอีกชนิดหนึ่งเป็นส่วนประกอบของประโยคอื่น คือมีคำพูดเป็นส่วนนำก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ซึ่งอยู่ในรูปของประโยคบอกเล่า คำถามชนิดนี้ เรียกว่า Indirect Quest. (คำถามโดยอ้อม) คำถามชนิดนี้นิยมใช้พูดคุยสนทนามากเช่นกัน ผู้พูดอาจจะขอโอกาส ขอร้องหรือแสดงความรู้สึกก่อนแล้วจึงตามด้วยคำถาม ประโยคกล่าวนำนั้นอาจจะเป็นรูปประโยคอย่างใดก็ได้ อยู่ที่ผู้พูดว่าจะแสดงความรู้สึกอย่างใดเพื่อนำไปสู่คำถามนั้นๆ เปรียบเทียบคำถามโดยตรงและคำถามโดยอ้อม ดังต่อไปนี้ อ่านเพิ่มเติม
Direct Question
Indirect Question
What is your name?
คุณชื่ออะไร

I want to know what your name is
ฉันอยากจะทราบว่า คุณชื่ออะไร

Where are you from?
คุณมาจากไหน
I don’t know where you are from.
ฉันไม่ทราบว่า คุณมาจากไหน

Is she married?
เธอแต่งงานหรือยัง

I wonder if she is married.
ฉันไม่ทราบว่าเธอแต่งงานหรือยัง
Do you like boxing or football?
คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

I’d like to know whether you like boxing or football.
ฉันอยากจะทราบว่า คุณชอบมวยหรือฟุตบอล

He can play Chinese music, can’t he?
เขาเล่นดนตรีจีนได้ มิใช่หรือ

Do you know whether he can play Chinese music or not?
คุณทราบไหมว่า เขาเล่นดนตรีจีนได้ไหม

Direct and Indirect Speech

Direct and Indirect Speech

วิธีการนำเอาคำพูดที่ได้ยินมากล่าวถึงอีกครั้งในภาษาอังกฤษ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทด้วยกัน คือ
Direct Speech คือ การยกคำพูดจริงๆของผู้พูดทั้งหมดมาเล่าให้ฟังโดยไม่เปลี่ยนแปลง โดยอาศัยการนำคำพูดนั้นมาไว้อยู่ในเครื่องหมายคำพูด (Quotation Marks (“…”)) โดยมี comma (,) คั่นกลางระหว่างประโยคที่ยกมาพูดถึง และ ประโยคหลัก โดยประธานที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดจะต้องเป็นตัวใหญ่เสมอ เช่น
He said, “I will clean the house.”
หมายเหตุ ประโยค Direct Speech สามารถทำได้อีกรูปแบบ โดยไม่ได้สร้างความหมายที่ต่างกันแต่อย่างใด โดยเราสามารถทำได้โดยการนำ คำพูดนั้นมาไว้อยู่ในเครื่องหมายคำพูด (Quotation Marks (“…”)) มาไว้ที่ต้นประโยค เช่น
“My name is Mike”, he said.
Indirect Speech (Reported Speech) คือ การนำคำพูดมารายงานให้ผู้อื่นฟัง หรือ การดัดแปลงคำพูดมาให้เป็นคำพูดของผู้เล่านั่นเอง เช่น
 He said he would clean the house.
     ประโยค Indirect Speech แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทด้วยกัน
    1. Indirect Speech - Statement หรือ ประโยคบอกเล่า หรือ ปฏิเสธ ในรูปแบบของ Indirect Speech
    2. Indirect Speech – Commands, Requests or Suggestions หรือ ประโยคคำสั่ง ขอ  ร้อง หรือ ขออนุญาตในรูปแบบของ Indirect Speech
    3. Indirect Speech - Question หรือ ประโยคคำถามในรูปแบบของ Indirect Speech อ่านเพิ่มเติม

Pronouns ( คำสรรพนาม )

Pronouns  ( คำสรรพนาม )
Types (ชนิดของคำสรรพนาม)
 Pronoun ( คำสรรพนาม )  คือคำที่ใช้แทนคำนามหรือคำเสมอนาม ( nouns- equivalent ) เพื่อหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงซ้ำซาก หรือแทนสิ่งที่รู้กันอยู่แล้วระหว่างผู้พูด ผู้ฟัง   หรือแทนสิ่งของที่ยังไม่รู้ หรือไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร   คำสรรพนาม  (pronouns ) แยกออกเป็น  7 ชนิด คือ
 -Personal Pronoun ( บุรุษสรรพนาม )  เช่น I, you, we, he , she ,it, they
-Possessive Pronoun ( สรรพนามเจ้าของ ) เช่น mine, yours, his, hers, its,theirs, ours
-Reflexive Pronouns ( สรรพนามตนเอง ) เป็นคำที่มี - self ลงท้าย  เช่น myself, yourself,ourselves
-Definite Pronoun ( หรือ Demonstrative Pronouns สรรพนามเจาะจง )  เช่น  this, that, these, those, one, such, the same
-Indefinite Pronoun ( สรรพนามไม่เจาะจง ) เช่น  all, some, any, somebody, something, someone
-Interrogative Pronoun ( สรรพนามคำถาม ) เช่น Who, Which, What
-Relative pronoun ( สรรพนามเชื่อมความ ) เช่น  who, which, that อ่านเพิ่มเติม